FREQUENTLY ASKED QUESTION

การเลือกเข้าซ่อมสีรถยนต์ในอู่ที่ได้มาตราฐาน

1.ชิ้นส่วนอะไหล่ ที่จะเปลี่ยน
ชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ มีทั้งเก่าและใหม่ แท้และเทียม โดยทั่วไปบริษัทประกัน จะให้ราคาอู่ซ่อมโดยดูจากปีรถ ดังนั้น ควรทำความเข้าใจและตกลงก่อนเข้าซ่อม

2.สีที่ใช้ในการซ่อมรถยนต์
ในเมืองไทยยี่ห้อสีและเคลียร์ ที่ใช้ในการพ่นรถยนต์ มีหลากหลาย ราคาหลักร้อยขึ้นไป โดยคุณภาพ อายุของสีและเคลียร์จะขึ้นอยู่กับราคา สีที่ใช้พ่นในเมืองไทยเป็นระบบ Bc/CC **แนะนำควรเป็น สีที่ได้มาตราฐานผ่านการทดลองใข้มาแล้วเพื่อนคุณภาพที่เหมาะสม

3.ขั้นตอนการทำงาน
ในความจริงแล้ว ระบบการซ่อมสีจะมีขั้นตอนในการทำงานเป็นระบบ ใช้ระยะเวลาในการแห้งตัวของ สีโป๊ว สีรองพื้น สีพื้น เคลียร์ ตามกำหมดของแต่ละยี้ห้อเพื่อให้ได้คุณภาพตรงตามมาตราฐาน ดั้งนั้นการเร่งงานซ่อมอาจทำให้คุณภาพลดลง

4. ทักษะความชำนาญ
ช่างที่ทำงานโดยมากจะแยก เป็น
ช่างถอดประกอบ มีหน้าที่รื้อและประกอบรถยนต์ ต้องมีความชำนาญรถยนต์แต่ละรุ่นพอควร มิเช่นนั้นจะเกินการเสียหายต่อชิ้นงานที่จะรื้อประกอบได้
ช่างเคาะปะผุ ทำหน้าที่ เคาะแต่งทรง หรือปะผุรถยนต์ที่เป็นสนิม การเคาะในปัจจบันมีเครื่องมือที่ทันสมัยหลายอย่าง จะช่วยลดการช้ำของรอยแผล ลดการใช้ความร้อน เช่น เครื่องกระตุก ตัวเอง ตัวดูด ช่างเคาะที่ดีต้องเคาะให้ผื้นผิว ใกล้เคียงที่สุดจะลดการโป๊วสี
ช่างเตรียมพื้น การเตรียมพื้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก เพราะเป็นการเกาพประสานระหว่างสีกับเนื้อโลหะ ในการเตรียมพื้นเริ่มตั้งแต่ การโป็วสี แต่งทรง รองพื้น ขัด ช่างต้องมีความเข้าใจและมีความชำนาญดีพอควร
ช่างพ่นสี มีหน้าที่ พ่นสีพื้นจริง พ่นเคลียร์ ต้องเป็นช่างที่มีความชำนาญและทักษะสูง เพื่อคุณภาพสีที่ออกมาสวยงามทนทาน ควรผ่านการทดสอบและอบรมในสถาบันที่ได้มาตราฐาน
ช่างขัดสี ทำหน้าที่ เก็บรายละเอียดหลังการพ่น เก็บเม็ดฝุ่น และ ขัดสีเพื่อความเงางาม

5.การตรวตสอบและการรับประกัน
อู่ซ่อมสีรถยนต์ที่ได้มาตราฐาน จะมีขั้นตอนการตรวจสอบ ระหว่างการทำตามระบบเป็นขั้นตอน เพื่อที่สามารถรับประกันผลงานกับลูกค้าได้ อู่ที่ได้มาตรฐาน โดยมากจะมีการรับประกันผลงานเสมอ

6.การบริการและการนัดหมาย
การให้บริการลูกที่ตรงไปตรงมา ให้รายละเอียดที่ถูกต้อง ก่อนการซ่อม เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน การตรวจสอบรถยนต์ก่อนเข้าซ่อม ความเที่ยงตรงการนัดหมายรับรถ เป็นอีกปัจจัยในการตัดสินใจก่อนนำรถเข้าซ่อมนะครับ

By Mc Autocar
www.mcautocar.com
Page: เอ็ม ซี ออโต้คาร์
Tel: 0997969146 หมวย
0649624290 ชัย

          ในปัจจุบันการเดินทางเป็นสิ่งจำเป็นที่อยู่คู่กับสังคม ความต้องการใช้รถยนต์เพิ่มขึ้นและอู่ที่ซ่อมตัวถังและสีรถยนต์ก็เพิ่มขึ้น เนื่องจากปริมาณรถยนต์ คุณภาพของอู่แต่ละอู่ก็แตกต่างกันออกไป ตามราคางานซ่อม คุณภาพของสีต่ำ ราคาค่าซ่อมก็ต่ำ คุณภาพสีที่สูงดีเยี่ยม ราคาค่าซ่อมสีก็สูงตาม ดังนั้น ในการเลือกซ่อมสีรถยนต์ เราควรเลือกแบบไหนถึงเหมาะสมกับรถของเรา ก่อนอื่นเราต้องทราบก่อนว่า สีรถยนต์ มีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

          ความทนทานต่อการคงสภาพ(Durability) เมื่อมีการซ่อมสีรถยนต์ด้วยระบบสีที่มีความคงทนสูงอย่างเช่นสี 2K เนื้อสีมีความแกร่ง โดยต้องมีระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 5 ปี

          การคงไว้สภาพสีเดิม(Color Retention) เนื้อสีที่ดีต้องคงสภาพของเนื้อสีเดิมไว้ได้นาน ไม่หลุดรอกง่าย หรือซีดจางง่าย

          ความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather Resistance) สีพ่นรถยนต์ที่ดีต้องทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศบ้านเรา ที่มีความเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทนต่อรังสี UV ความชื้นในอากาศหรือฝน อุณหภูมิความร้อนจากแสงแดด

          ความคงทนต่อสารเคมี (Chemical Resistance) ทนต่อสารเคมีต่างๆได้ดี ไม่ซีดจาง ไม่เป็นขุย เช่น ทินเนอร์ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก

          มีความเงางามสูง (Gloss) สีที่คุณภาพดี ต้องมีความเงางามและสวย ให้เหมือนสภาพเดิมจากโรงงานประกอบรถยนต์ สีOEM

           จากคุณสมบัติดังกล่าว ทำให้เราพอรู้ได้ว่า สิ่งที่สำคัญอันดับแรกเลยคือการเลือกใช้ สีพ่นรถยนต์ที่ดีจะทำให้ รถของเรามีคุณสมบัติที่ดีด้วย แนะนำสี 2K / รองลงมาคือ ช่างที่พ่นสีต้องมีความชำนาญ ที่ผ่านการอบรม แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี มีความรับผิดชอบในหน้าที่สูง /สุดท้ายคือ วิธีการปฏิบัติงาน หรือ ขั้นตอนการทำงาน เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้สีออกมาดีมีคุณภาพ ตั้งแต่เริ่มแรก การเตรียมพื้นดีก็เป็นสิ่งสำคัญ

          สี 1K คือสีระบบ 1 องค์ประกอบ (1 Komponent) คือประกอบด้วยส่วนของตัวสีเพียงอย่างเดียว เมื่อนำมาใช้งานจะผสมกับตัวทำละลาย เช่น ทินเนอร์ สี 1K ตามอัตราส่วนที่กำหนดมา มีให้เลือกแบบแห้งเร็วและแห้งช้า

          สี OEM คือสีที่ใช้ในโรงงานประกอบรถยนต์ สีชนิดนี้มีเพียงองค์ประกอบเดียว ในการใช้งานอาจนำมาผสมกับตัวทำละลายเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น สีชนิดนี้จะแห้งตัวโดยการการอบที่อุณหภูมิสูงประมาณ 120-160 C จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สีอบ” (High Bake Paint)

          สี 2K คือสีระบบ 2 องค์ประกอบ (2 Komponent) คือประกอบด้วยส่วนของตัวสี ซึ่งคือองค์ประกอบที่ 1 ประกอบด้วย 4 ส่วน คือ กาวหรือเรซิ่น (RESIN) หรืออาจเรียกว่า BINDER หรือ FILM FORMER ทำหน้าที่เป็นตัวยึดเกาะของส่วนประกอบอื่นๆของสี / ผงสี (PIGMENT) เป็นสารที่ทำหน้าที่ในการปกปิดพื้นผิว และทำให้เกิดสีสันต่างๆ เช่นดำ แดง เหลือง / ตัวทำละลาย (SOLVENT) ทำหน้าที่ในการช่วยให้ผงสีและเรซิ่น กระจายตัวเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน ทั้งยังทำหน้าที่ในการเจือจางหรือปรับความข้นเหลวของสีให้เหมาะสมสำหรับการใช้งาน /สารปรับแต่ง (ADDITIVE) เป็นส่วนประกอบที่หน้าที่เพิ่มคุณสมบัติหรือลดข้อด้อยบางอย่างของสี เช่น ช่วยให้ฟิล์มเรียบขึ้น ช่วยป้องกันแสงอุลตร้าไวโอเลตจากแสงอาทิตย์ ช่วยป้องกันการแยกตัวของผงสีและเรซิ่น ป้องกันการตกตะกอน เป็นต้น

          ตัวเร่งปฏิกิริยา (Hardener หรือ Activator) ซึ่งคือองค์ประกอบที่ 2 โดยก่อนใช้งานต้องนำทั้ง 2 องค์ประกอบมาผสมกันตามอัตราส่วน2ต่อ1 หรือ 4ต่อ1 เพื่อให้เกิดการทำปฏิกิริยาทางเคมี ซึ่งจะทำให้สีเกิดการแห้งตัว (Chemical Drying) สี 2K ที่ใช้ในงานพ่นสีรถยนต์ มี 2 ชนิด คือ สี 2K แบบ อีพ๊อคซี และสี 2K แบบโพลียูริเทน จึงมักเรียก สี 2K ว่า “สีแห้งช้า”

สีพ่นรถยนต์ ที่ทางบริษัทเลือกใช้ จะเลือกสรรด้วยการทดลองใช้มานานจนผ่านการคัดเลือก เพื่อให้ได้คุณสมบัติตามต้องการ

          สีรองพื้นเป็นสีที่ประยุคขึ้นมาใช้เพื่อการยึดเกาะที่ดีเยี่ยมและการปกป้องในชั้นแรกก่อนการพ่นสีจริง (base coat) ลดปัญหาการหลุดล่อน กันการผุกร่อน การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ ความร้อน การกระแทก แสงแดด ที่มีรังสี UV และต้องสามารถลดเรื่องรอยเส้นของกระดาษทรายได้ดีเมื่อพ่นสีจริงทับหน้า ปกปิดรอยตำหนิได้ง่าย ป้องกันการดูดซึมของน้ำได้ ดังนั้นการเตรียมพื้นที่ดีต้องเลือกสรรสีรองพื้นที่มีคุณภาพ ประเภท สี 2K จะสามารถยึดเกาะกับวัสดุได้ดีกว่า 1K ทาง


          บริษัทเลือกใช้ Epoxy Primer ระบบแห้งช้า 2:1 ประกอบด้วย Epoxy Primer (epoxy resins) / Epoxy Hardeners (polyamide resins) และReducers: Specialty solvent blend ชั้นความหนาต่อเที่ยว Approximately 1.0-1.4 mils per single coat ระยะเวลาแห้ง Wet on Wet 15 – 30 minutes at 70°F (21°C) Sanding Overnight at 70°F (21°C) 45- 50 minutes at 140°F (60°C)

          Base cost เป็นจริงขั้นตอนแรกที่พ่นเพื่อให้ได้สีสันที่ต้องการ มีเฉดสีให้เลือกตามรายการแค๊ทตาล๊คที่ทางบริษัทรถยนต์แต่ละค่ายผลิตออกมา แบ่งออกเป็น solid, metallic, and pearlescent pigments.

          Solid paints เป็นสีที่ไม่มีความเงางามหรือสะท้อน สีนี้ใช้สำหรับตกแต่งหน้าให้ได้ตามเฉดสี ตามที่ได้เห็นบนตัวรถยนต์ในท้องถนน ต้องพ่นให้ได้ตามความหนาที่ต้องการ

          Metallic paints ประกอบด้วยเม็ดอลูมิเนียมที่ทำให้เกิดเป็นประกายสะท้อน โดยทั่วไปเรียกว่าเม็ด Metallic

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1

คือประกันภัยรถยนต์ที่มีความครอบคลุมมากที่สุด ครอบคลุมทั้งยานพาหนะคันเอาประกัน และรถคันคู่กรณี ความเสียหายต่อชีวิต การบาดเจ็บ ของทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกัน และในรถยนต์คันคู่กรณี และยังมีความคุ้มครองกรณีรถยนต์เสียหายจากไฟไหม้ น้ำท่วม และการโดนโจรกรรมอีกด้วย

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2

มีความคุ้มครองครอบคลุมรองลงมา โดยจะยังให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์คันเอาประกัน ผู้โดยสารในรถยนต์คันเอาประกัน และรถยนต์คันคู่กรณี และผู้โดยสารในรถคันคู่กรณี ทั้งค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยความเสียหายของรถยนต์ และทรัพย์สินโดยจะต้องมีคู่กรณี และให้ความคุ้มครองกรณีรถยนต์ถูกโจรกรรม และไฟไหม้ แต่ไม่คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากน้ำท่วม หรืออุทกภัย

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันเอาประกัน ทรัพย์สินในรถยนต์คันเอาประกัน และค่ารักษาพยาบาล ค่ายาของผู้โดยสารรถยนต์คันเอาประกัน กรณีมีคู่กรณี พร้อมคุ้มครองกรณีโจรกรรม และไฟไหม้ด้วย

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+

คุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์คันคู่กรณี ทรัพย์สิน และผู้ขับขี่ ผู้โดยสารในรถยนต์คันคู่กรณี ส่วนคุ้มครองเพิ่มคือให้ความคุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันในกรณีเกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี แต่จะไม่คุ้มครองความเสียหายของรถยนต์คันเอาประกันหากไม่มีคู่กรณี ไม่มีความคุ้มครองกรณีน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือโจรกรรม

ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3

ให้ความคุ้มครองความเสียหายที่เกิดกับรถยนต์คันคู่กรณี ผู้โดยสารในรถยนต์คันคู่กรณี และผู้โดยสารในรถคันคู่กรณี ทั้งค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยความเสียหายของรถยนต์ และค่าชดเชยความเสียหายต่อทรัพย์สินในรถยนต์คันคู่กรณีเท่นั้น ไม่มีการชดเชยค่าเสียหายสำหรับรถยนต์คันเอาประกัน และไม่คุ้มครองกรณีรถยนต์ถูกโจรกรรม ไฟไหม้ หรืออุทกภัยแต่อย่างใด

จากข้อกำหนดของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เรื่องรูปแบบและข้อความในกรมธรรม์ประกันภัย หากบริษัทประกันจะขายประกันต่อประชาชนทั่วไป ต้องเป็นแบบและข้อความที่ทาง คปภ. กำหนด

สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ 3+ ในเริ่มแรก ระบุตัวเลขความเสียหายต่อตัวรถไว้ 2,000 บาท และมีการเก็บจริง ต่อมาเมื่อมีการแข่งขันกันทำตลาด ทำให้มีการอนุโลมไม่เก็บเงินส่วนนี้ในตอนเคลมจริง แต่ไม่ได้ขออนุญาตรูปแบบกรมธรรม์ใหม่ให้ถูกต้องแบบไม่มีค่ารับผิด จึงเรียกเป็นค่าเสียหายส่วนแรกที่ทางผู้เอาประกันสามารถเลือกซื้อ หรือไม่ซื้อในส่วนนี้ก็ได้

โดยรูปแบบกรมธรม์นี้จะเป็นการทำข้อตกลงกันระหว่างผู้เอาประกันภัย กับผู้ให้การประกันภัย ว่าจะไม่เก็บค่ารับผิดส่วนแรกนี้ แต่ก็มีบางบริษัทมีการขอรูปแบบกรมธรรม์ใหม่ที่ไม่เขียนค่ารับผิดส่วนแรกไว้

หากคุณอยากทราบว่า ประกันภัยประเภท 2+ 3+ ที่ซื้อไว้ มีค่าเสียหายส่วนแรกหรือไม่ ให้ตรวจสอบกับบริษัทประกันว่า เลขกรมธรรม์ที่ได้รับ เมื่อเคลมจะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกหรือไม่ เท่าไหร่ หรือจะตรวจสอบจากเบี้ยประกันในตารางที่ได้รับว่าเป็นเบี้ยประกันแบบเสียหรือไม่ก็ได้ครับ

สำหรับประกันชั้น 1 รถยนต์ที่จะทำควรอยู่ในสภาพที่ซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนทำประกัน ถ้ารถมีความเสียหายอยู่แล้ว แต่เป็นความเสียหายเล็กน้อย เช่น รอยข่วนสองสามรอย บริษัทประกันอาจรับทำประกันให้ได้ โดยจะมีการทำบันทึกความเสียหายที่พบไว้ในระบบ ซึ่งความเสียหายดังกล่าวจะไม่สามารถนำมาเคลมได้ เพราะเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นก่อนทำประกันรถยนต์ เมื่อผู้เอาประกันนำรถเข้าซ่อม สามารถแจ้งให้บริษัทประกันไปถ่ายรูปรถยนต์ใหม่ เพื่อทำการยืนยัน และลบบันทึกความเสียหายที่ระบุเอาไว้ได้ แต่ถ้ารถมีความเสียหายมาก บริษัทประกันก็อาจจจะปฏิเสธการรับประกัน

ซ่อมห้าง คือ การที่รถยนต์เกิดอุบัติเหตุต้องซ่อม เจ้าของรถยนต์นำรถยนต์ไปซ่อมแซมที่ศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้นๆ หรือ โดยอู่ที่ได้มาตรฐานคุณภาพเทียบเท่า ปกติแล้วประกันซ่อมห้างมีให้เลือกสำหรับรถใหม่อายุ 1-4 ปี อะไหล่ที่ใช้ในการซ่อมเป็นอะไหล่แท้จากศูนย์บริการเท่านั้น แต่ข้อเสียของการซ่อมห้างคือ อาจจะต้องรอคิวซ่อมรถยนต์นานหน่อยครับ

ซ่อมอู่ คือ การเข้ารับการซ่อมแซมที่อู่ทั่วๆ ไปที่มีข้อตกลงกับบริษัทประกันเอาไว้แล้ว ในกรณีที่เป็นรถยนต์ใหม่ที่มีอายุ 1-3 ปี บริษัทประกันภัยจะใช้อะไหล่ของแท้จากศูนย์ในการจัดซ่อม หากเป็นรถที่อายุมากแล้ว อะไหล่ที่ใช้อาจเป็นอะไหล่มือสอง หรืออะไหล่ที่เทียบเท่าของแท้นั่นเองครับ